Sunday 30 May 2010

ความป่าเถื่อนของทหารพระราชา

ความป่าเถื่อนของทหารพระราชา

Saturday 22 May 2010

ทั้งราชประสงค์ และสามจังหวัดภาคใต้ อำมาตย์ดูถูกและเข่นฆ่าประชาชน


ทั้งราชประสงค์ และสามจังหวัดภาคใต้ อำมาตย์ดูถูกและเข่นฆ่าประชาชน
ใจ อึ๊งภากรณ์

ที่ราชประสงค์ อำมาตย์กระหายเลือดมองว่าคนเสื้อแดงเป็นผักเป็นปลา เป็นฝุ่นใต้ตีน ฆ่าทิ้งได้ตามสบาย ฆ่าแล้วโกหก โกหกแล้วฆ่า ปิดข่าว สร้างประวัติศาสตร์เท็จ มองว่า “ชาวบ้าน” ที่เป็นคนเสื้อแดงขาดการศึกษา โง่ ถูกจูงเหมือนควาย มองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ป้ายร้ายว่าจิตใจรุนแรงเมื่อออกมาเรียกร้องสิทธิ์เสรีภาพและความเคารพอย่างมนุษย์เท่าเทียม ในที่สุดชาวบ้านตื่นตัว เปิดหูเปิดตา เกลียดทหาร เกลียดอำมาตย์ ไม่อยากให้พวกนี้ครองชีวิตและประเทศอีกต่อไป
ที่นราธิวาส ยะลา ปัตตานี อำมาตย์กระหายเลือดมองว่าคนมุสลิมมาเลย์เป็นผักเป็นปลา เป็นฝุ่นใต้ตีน ฆ่าทิ้งได้ตามสบาย ฆ่าแล้วโกหก โกหกแล้วฆ่า ปิดข่าว สร้างประวัติศาสตร์เท็จ มองว่า “ชาวบ้าน” ที่เป็นคนมาเลย์มุสลิมขาดการศึกษา โง่ ถูกจูงเหมือนควายโดยผู้ไม่หวังดี มองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ป้ายร้ายว่าจิตใจรุนแรงเมื่อออกมาเรียกร้องสิทธิ์เสรีภาพและความเคารพอย่างมนุษย์เท่าเทียม ในที่สุดชาวบ้านตื่นตัว เปิดหูเปิดตา เกลียดทหาร เกลียดอำมาตย์ ไม่อยากให้พวกนี้ครองชีวิตและประเทศอีกต่อไป
ในทั้งสองพื้นที่ ราชินี ออกมาปลุกระดมให้มีการฆ่าและเกลียดชังชาวบ้าน หรือออกมาสนับสนุนผู้ที่กดขี่ประชาชนอย่างเปิดเผย
ในทั้งสองพื้นที่ พวกนายพลระดับสูง ออกคำสั่งให้ฆ่าประชาชน แต่ใช้ลูกหลานเราที่เป็นทหารเกณฑ์ ในงานสกปรกของเขา
ในทั้งสองพื้นที่ รัฐบาลกลางของพวกเศรษฐีคนรวย กดขี่ขูดรีดประชาชน และปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเป็นตัวของตัวเอง
ในทั้งสองพื้นที่ รัฐอำมาตย์พยายามชักชวนให้คนในสังคมเกลียดชังชาวบ้านภายใต้ลัทธิ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” แต่เรารู้ว่า “ชาติ” ที่มันพูดถึงไม่ใช่ชาติของเราชาวไพร่ เรารู้ว่าทหารพร้อมจะฆ่าและจับพระสงฆ์ที่เข้าข้างคนจน หรือฆ่าอิมามของชาวบ้าน และเรารู้ว่ากษัตริย์ไม่เคยห้ามการนองเลือดหรือการกดขี่ประชาชน
ที่ราชประสงค์และผ่านฟ้าในปี ๒๕๕๓ ทหารเลวทราม ฆ่าประชาชนกว่า 80 ศพ แล้วอ้างคำโกหกต่างๆ นาๆ เพื่อให้ตัวเองดูดี แต่เรารู้ว่าเขาทำอะไร อภิสิทธิ์ อนุพงษ์ และสุเทพ ต้องรับผิดชอบ
ที่ตากใบ จังหวัดนราธิวาส ในปี ๒๕๔๗ ทหารเลวทราม ฆ่าประชาชน 80 ศพ แล้วอ้างคำโกหกต่างๆ นาๆ เพื่อให้ตัวเองดูดี แต่คนเสื้อแดงจำนวนมากไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เราต้องเข้าใจว่าทักษิณและพวกนายพลต้องรับผิดชอบ เพราะเราต้องไม่มีสองมาตรฐานอีกแล้วใช่ไหม?

ข้อสรุปสำคัญคือ ถึงเวลาแล้วที่คนเสื้อแดงจะต้องเห็นอกเห็นใจชาวบ้านมาเลย์มุสลิมในสามจังหวัดภาคใต้ จะต้องเริ่มพยายามมีอารมณ์ร่วม และเปิดใจเปลี่ยนความคิดที่เคยมีอคติกับเขา และเข้าใจว่าทำไมเขาจับอาวุธสู้ หรือใช้การชุมนุมอย่างสันติ ในการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขา
• กรุงเทพฯ ภาคอีสาน ภาคเหนือ สามจังหวัดภาคใต้ ต้องถอนทหาร ยกเลิกกฎหมายฉุกเฉิน หยุดยิง
• กรุงเทพฯ ภาคอีสาน ภาคเหนือ สามจังหวัดภาคใต้ ต้องแก้ปัญหาด้วยการเมืองประชาธิปไตย ชาวบ้านที่มีความเชื่อและประเพณีต่างกัน ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคตตนเอง ต้องมีสิทธิ์ปกครองตนเอง
• ไพร่มาเลย์มุสลิม ไพร่เสื้อแดง จับมือสามัคคี โค่นล้มอำมาตย์ สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์!!!

รายการวิทยุของผม

http://monarchyobsolete.podbean.com/
รายการวิทยุของผม

Wednesday 19 May 2010

ความโกรธแค้นของประชาชนมีความชอบธรรม




ความโกรธแค้นของประชาชนมีความชอบธรรม
ใจ อึ๊งภากรณ์

ความโกรธแค้นของประชาชนในที่สุดก็ระเบิดออกมา มีการเผาตึกราชการ ศาลากลางจังหวัด ธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์ ห้างร้านขายสินค้าราคาแพง และสื่อที่ถือหางให้อำมาตย์ฯลฯ นอกจากนี้มีการปะทะสู้รบกับทหารด้วยทุกวิธี

ทั้งหมดนี้มีความชอบธรรม... เพราะอะไร?

1. รัฐบาลอภิสิทธิ์และกองทัพ ได้ใช้อาวุธสงคราม รถถัง ปืนกล สไนเปอร์ และหน่วยสังหาร เพื่อฆ่าประชาชนมือเปล่า ที่เรียกร้องประชาธิปไตย อย่างไม่เลือกหน้า และเขาทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมษายนปีนี้ และก่อนหน้านั้นเมื่อเมษายนปีที่แล้ว เขามองประชาชนคนจนเหมือนเป็นฝุ่นใต้ตีน เหมือนเป็นผักเป็นปลา ยอดคนตายคงถึง 80 เป็นอย่างน้อย มีคนบาดเจ็บเป็นพันๆ
2. ความรุนแรงของรัฐอำมาตย์ในครั้งนี้ กระทำไปเพื่อให้รัฐบาลอภิสิทธิ์และพวกอำมาตย์ ที่ไม่เคยมาจากการเลือกตั้ง สามารถครองอำนาจต่อไป และหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งให้นานที่สุด รัฐบาลนี้เป็นผลพวงจากการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา และรัฐประหารเงียบของศาลสองครั้ง มันไม่มีความชอบธรรมที่จะครองอำนาจแต่อย่างใด
3. แกนนำเสื้อแดงพยายามหาทางเจรจามาตลอด พยายามประนีประนอมเพื่อให้หลีกเลี่ยงความรุนแรง พยายามขอร้องให้มีการหยุดยิงและเจรจา แต่รัฐบาลอำมาตย์ให้คำตอบด้วยกระสุนปืน
4. ในระบบประชาธิปไตย ประชาชนควรจะมีอำนาจอธิปไตยสูงสุด อำนาจสูงสุดไม่ควรจะอยู่ที่กองทัพ อภิสิทธิ์ชน และเครือข่ายวัง ดังนั้นการประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและการเลือกตั้งย่อมมีความชอบธรรมสูงสุด ไม่ว่าจะมีการปิดถนนในย่านห้างร้านราคาสูงหรือย่านโรงแรมห้าดาวเป็นเวลาสองเดือนก็ตาม
5. พวก “องค์กรดัดจริตอ้างสันติวิธี” ไม่เคยออกมาหนุนช่วยความพยายามอันใหญ่หลวงของแกนนำ นปช. ในการควบคุมการประท้วงให้มีวินัยและอยู่ในกรอบสันติ ทั้งๆ ที่เสื้อแดงเผชิญหน้ากับความรุนแรงจากรัฐตลอด แทนที่องค์กรเหล่านี้จะกดดันและโจมตีรัฐ เพื่อให้เลิกใช้ความรุนแรง เขากลับโทษทั้งสองฝ่าย ซึ่งในรูปธรรมก็แค่ให้ความชอบธรรมกับจุดยืนของรัฐบาลที่ใช้ทหารกับประชาชนพร้อมกับเรียกร้องให้เสื้อแดงยุติการชุมนุมก่อนที่จะเจรจา

แต่ตอนนี้การชุมนุมทางการของ นปช. ยุติแล้วท่ามกลางการนองเลือดโดยรัฐบาล และผลคืออะไร? ไม่ใช่สันติภาพแน่นอน เพราะตราบใดที่ไม่มีความเป็นธรรมในสังคม จะไม่มีสันติภาพ

แกนนำ นปช ยุติการชุมนุม




แกนนำ นปช ยุติการชุมนุม เพื่อไม่ให้คนตายเพิ่ม

Monday 17 May 2010

กรุงเทพฯ พฤษภาคม 2010



โดยอาจารย์มังกรดำ

Saturday 15 May 2010

อำมาตย์ทั้งหมดมือเปื้อนเลือด!! (อีกครั้ง)

อำมาตย์ทั้งหมดมือเปื้อนเลือด!! (อีกครั้ง)
ใจ อึ๊งภากรณ์

อำมาตย์มันกำลังฆ่าประชาชนมือเปล่าที่เรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้ง
ในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา มันฆ่าเรา 6 ครั้ง เพราะมันมองว่าเราเป็นผักเป็นปลา เป็นฝุ่นใต้ตีนมัน มันมองว่าประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะเสรี
มันสั่งสอนเราว่า “ไทย” เป็น “ไท” แต่ภายใต้อำมาตย์ ตั้งแต่อดีตในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ถึงปัจจุบัน มันทำให้ไทยเป็นทาส แล้วมันหน้าด้านบอกว่าประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขเพราะมีนายภูมิพลเป็นกษัตริย์ แต่การมีกษัตริย์กลายเป็นเงื่อนไขในการฆ่าประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อไรที่ชนชั้นปกครองไทยคิดจะฆ่าประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม มันใช้ข้ออ้างว่าประชาชนเหล่านั้นไม่จงรักภักดี ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ สำหรับอำมาตย์ความจงรักภักดีของ “ไทยที่เป็นทาส” เป็นเรื่องที่จะต้องบังคับบนกองศพ
ขบวนการเสื้อแดงเกิดขึ้นและเติบโตมาเพราะประชาชนนับล้านไม่พอใจกับเผด็จการและความเหลื่อมล้ำ และอยากต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ในที่สุดขบวนการเสื้อแดงกลายเป็นขบวนการประชาชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสื้อแดงไม่ได้ก่อตัวขึ้นมาเพื่อล้มเจ้า และคนจำนวนมากแสดงจุดยืนว่าจงรักภักดี
แต่ในเมื่ออำมาตย์มองเราเป็นขยะ พร้อมจะฆ่าเราโดยไม่เคยสำนึกผิด เราจะจงรักภักดีต่อ “ชาติทหารป่าเถื่อน” และ “กษัตริย์ที่ไม่เคยปกป้องประชาธิปไตย” ทำไม?
ถ้านายภูมิพลสามารถออกมาพูดกับข้าราชการและผู้พิพากษาได้ เขาก็ออกมาห้ามทหารและรัฐบาลที่ฆ่าประชาชนได้ในวันนี้ แต่เขานิ่งเฉยตามเคย ตามที่เขานิ่งเฉยทุกครั้งในอดีตจนกว่าสงครามจะยุติลง นายภูมิพลไม่เคยมีความกล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องตามหน้าที่ประมุข ไม่เคยมีความกล้าที่จะแสดงจุดยืน เป็นคนอ่อนแอไร้จิตสำนึก เชื่อเถิดครับ นายภูมิพลไม่สนใจความอยู่เย็นเป็นสุขของท่านเพื่อนประชาชนที่รักทั้งหลาย นายภูมิพลมองว่าคุณเป็นขยะ เขามองว่าชีวิตท่านไม่มีค่า ชีวิตลูกหลานพ่อแม่พี่น้องของท่านไม่มีค่า เพราะในสายตาเขา เราเป็นแค่ฝุ่นใต้ตีนเขา
ในเมื่อทหารฆ่าประชาชนในนามของภูมิพลและครอบครัวกาฝากของเขา ถ้าเราลุกขึ้นประกาศว่าเราชาวไพร่จะล้มกษัตริย์และระบบเผด็จการอำมาตย์ในทุกร่างทุกรูปแบบ แล้วจะเสียอะไร? มันกำลังฆ่าเราอยู่แล้ว
ระบบกษัตริย์มีหน้าที่หลักในการสร้างความชอบธรรมและความกลัวเพื่อให้ประชาชนจงรักภักดีต่ออำมาตย์ทั้งหมด อำมาตย์เป็นใคร? อำมาตย์เป็นชนชั้น มันประกอบไปด้วยเกือบทุกส่วนของชนชั้นปกครองไทย รวมนายพลที่คุมกองทัพและพร้อมจะสั่งการฆ่าประชาชน รวมพวกศาลและข้าราชการชั้นสูงที่ทำลายความยุติธรรม และรวมพวกอภิสิทธิ์ชนที่สูบเลือดจากการทำงานของประชาชนนับล้านเพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตนเอง.... ท่านคิดหรือว่าตระกูลนายอภิสิทธิ์ หรือตระกูลเศรษฐีทั้งหลายร่ำรวยมาจากการขยันทำงานยังงั้นหรือ? ไม่ต้องพูดถึงตระกูลนายภูมิพลที่ขยันสั่งสอนให้ประชาชนคนจน “พอเพียง”
ถ้าความจงรักภักดีต่อกษัตริย์สร้างความชอบธรรมกับพวกกาฝากทรราชที่กดขี่ประชาชน การประกาศว่า “เราไม่เอาเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูมิพลหรือใครก็ตาม” จะทำลายอาวุธทางความคิดที่สำคัญที่สุดที่ช่วยให้อำมาตย์ครองใจสังคม อย่าลืมว่ามันครองสังคมบนซากศพประชาชนด้วย ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจะประกาศด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เสรีว่า “เราต้องการสาธารณรัฐ” “เราไม่เอาเจ้าแล้ว”
แต่แค่นั้นไม่พอ เราต้องจัดการกับกองทัพและทหารชาติชั่วที่ฆ่าประชาชนเป็นประจำ
กองทัพไทยเป็นปีศาจดูดเลือดที่เราต้องกำจัดจากสังคม มันดูดทรัพยากรมากมาย งบประมาณเพื่อซื้ออาวุธไว้ฆ่าประชาชน งบประมาณที่เข้ากระเป๋าพวกนายพล และที่สำคัญมันดูดลูกหลานเราที่เป็นทหารเกณฑ์เข้าไปรับใช้มัน จนลูกหลานดีๆ ของเราที่เป็นทหารเกณฑ์หรือทหารอาสาระดับล่าง ถูกบังคับให้เป็นฆาตกร หรือต้องไปตายเพื่อพวกข้างบน
ถึงเวลาที่เราต้องรื้อโครงสร้างกองทัพอย่างถอนรากถอนโคน ต้องปลดนายพลออกให้หมด ลดงบประมาณอย่างถึงที่สุด แปรรูปกองทัพให้รับใช้ประชาชน ให้เป็นหน่วยกู้ภัย ให้เป็นหน่วยที่ดูแลประชาชน ไม่ต้องมีรถถัง ไม่ต้องมีปืนใหญ่ ไม่ต้องมีปืน M79 ไม่ต้องมีปืน M16 เพราะสิ่งเหล่านี้ถูกใช้กับเราประชาชนมาตลอด เนื่องจากผู้นำกองทัพมองว่าศัตรูของชาติมัน ชาติอำมาตย์ คือประชาชนไทย
ในระยะสั้นเราต้องทำให้อำมาตย์ปกครองประเทศไทยไม่ได้ ให้มันลุกเป็นไฟไปเลย! แต่ในรายละเอียดของวิธีการ ผมไม่มีสิทธิ์เสนอ เพราะผมไม่ต้องเสี่ยงชีวิตในประเทศไทยในขณะนี้ ขอให้เพื่อนๆ พี่น้องปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะปลอดภัยได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสองสามวัน เราต้องตัดสินใจปลดแอกสังคมจากอำมาตย์ชาติชั่ว และในกระบวนการปลดแอกนี้ เราต้องปลดแอกปัญญาของเราจากความคิดทาสที่บังคับให้เราจงรักภักดีต่อเจ้าและชื่นชมกองทัพ นี่คือสงครามประชาชน
15 พ.ค.

Monday 10 May 2010

คนเสื้อแดงได้อะไรจากการต่อสู้??

คนเสื้อแดงได้อะไรจากการต่อสู้??
ใจ อึ๊งภากรณ์

จุดจบของการต่อสู้รอบนี้ ซึ่งเริ่มในเดือนมีนาคม เป็นการประนีประนอมระหว่างแกนนำคนเสื้อแดงกับรัฐบาลของอำมาตย์ หลายคนคงจะผิดหวัง แต่เราควรใช้เวลาพิจารณาสถานการณ์และกำหนดแนวทางในการต่อสู้ต่อไป เรื่องมันยังไม่จบจนกว่าอำมาตย์จะถูกโค่นล้ม ดังนั้นอย่าไปเสียเวลากับอาการ “อกหัก” อย่าไปท้อ อย่าไปเดินออกจากเวทีการต่อสู้ด้วยความน้อยใจ

ขอย้ำในสิ่งที่เขียนก่อนหน้านี้.... จุดเด่นเราคืออะไร? จุดเด่นของการต่อสู้ของคนเสื้อแดงตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปมีหลายข้อคือ
• คนเสื้อแดงได้พิสูจน์ว่าเป็นขบวนการของประชาชนชั้นล่างในการต่อสู้ทางชนชั้น เพื่อเรื่องปากท้องและเพื่อประชาธิปไตยพร้อมกัน ซึ่งรวมคนชนบทและคนในกรุงเทพฯ จำนวนมาก มากจนเป็นประวัติศาสตร์ ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้ ๑๔ ตุลา การต่อสู้ของ พ.ค.ท. และการต่อสู้ในเดือนพฤษภาปี ๓๕
• การต่อสู้ที่ยาวนาน ท่ามกลางกระสุนปืน หมอกควัน และข่าวที่ถูกบิดเบือนปิดกั้นโดยรัฐบาล เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประชาชนจำนวนมาก เขาได้เรียนรู้วิธีจัดตั้งตนเอง วิธีเข้าถึงข้อมูล และวิธีกระจายข่าว ยิ่งกว่านั้นการต่อสู้ทำให้เขากลายเป็นผู้นำเอง มีความมั่นใจในการท้าทายอำนาจอำมาตย์ที่กดทับชีวิตประชาชนมานาน เราอาจพูดได้ว่าเกือบจะไม่มีใครในขบวนการเสื้อแดงที่ยังคิดแบบเดิม ไม่มีใครเป็นทาสทางความคิดของลัทธิอำมาตย์
• การต่อสู้ที่เข้มแข็งของคนเสื้อแดงนี้ บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐระดับล่าง เช่นตำรวจและทหารเกณฑ์ เริ่มคิดหนัก หลายคนไม่ยอมทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และอาจมีหลายคนที่คิดกบฏ แต่ยังไม่ทำอะไรให้เห็นชัด นี่คืออาการของวิกฤตในการปกครองของรัฐอำมาตย์ เราอาจพูดได้ว่ารัฐอำมาตย์อยู่ได้ก็ด้วยการปราบปราม ขู่เขน และการปิดกั้นข้อมูลเท่านั้น ไม่มีความชอบธรรมเลยในสายตาประชาชนนับล้าน และในสายตาสื่อต่างประเทศและชาวโลกที่สนใจประเทศไทย
• เราบังคับให้รัฐบาลอำมาตย์เลื่อนการเลือกตั้งมาข้างหน้า 3 เดือน

ขอเพิ่มเติมตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นคือ ท่ามกลางการต่อสู้ คนเสื้อแดงส่วนใหญ่หมดศรัทธาในสถาบันกษัตริย์แล้ว และสาเหตุมาจากพฤติกรรมของฝ่ายอำมาตย์เองตั้งแต่การผูกโบสีเหลืองในรัฐประหาร ๑๙ กันยา เราต้องเลี้ยงกระแสนี้ให้เติบโตมั่นคงขึ้น เพราะจะมีผลมหาศาลในการทำให้กองทัพหมดความชอบธรรมในการแทรกแซงการเมือง และเปิดทางให้มีการสร้างประชาธิปไตยแท้ได้

ข้อที่น่ากังวล
การประนีประนอมครั้งนี้ทิ้งปัญหาสำคัญๆ ไว้มากมาย เพราะไม่มีการแก้ไขการเซ็นเซอร์สื่อและอินเตอร์เน็ต ไม่มีคำมั่นสัญญาว่าจะเปิดสื่ออย่างเช่น ประชาไท หรือวิทยุชุมชน ไม่มีการพูดถึงนักโทษทางการเมืองในคดีหมิ่นเดชานุภาพฯ และคดีที่มาจากการปิดถนนท่ามกลางการประท้วง คนเหล่านี้ยังติดคุกอยู่ ในประเด็นเหล่านี้พวกเราชาวเสื้อแดงคงต้องสู้ต่อไปในรูปแบบกรณีเฉพาะ ตามจุดและชุมชนต่างๆ ไม่ใช่ยอมจำนนหรือรอการเลือกตั้ง

จุดอ่อนที่ทำให้คนเสื้อแดงชุมนุมต่อไม่ได้
เราต้องดูจุดอ่อนของขบวนการ เพราะจุดอ่อนเหล่านี้ทำให้มันยากที่จะสู้ต่อไปโดยไม่มียุทธวิธีใหม่ๆ ซึ่งเป็นผลทำให้มีการประนีประนอมในที่สุด ดังนั้นเพื่อให้ฝ่ายเราไปปรับแก้และพัฒนาการต่อสู้ในอนาคต เราต้องคิดหนักตรงนี้ เพราะการสู้กับอำมาตย์จะไม่จบง่ายๆ

• ขบวนการเสื้อแดงยังไม่จัดตั้งในหมู่คนงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างในโรงงาน หรือพนักงานในออฟฟิส ฯลฯ เพราะถ้าลูกจ้างที่เป็นเสื้อแดงจัดตั้งกันในสหภาพแรงงาน เราสามารถใช้พลังการนัดหยุดงานมากดดันอำมาตย์ และพลังนี้มีประสิทธิภาพสูง ปราบด้วยกองกำลังได้ยากอีกด้วย มันเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจ
• การนำในขบวนการเสื้อแดงควรขยายให้สะท้อนความยิ่งใหญ่ของขบวนการ กลุ่มเสื้อแดงจากชุมชนต่างๆ ที่เราเห็นชัดในรูปแบบซุ้มหรือกลุ่มคนที่เดินทางมาด้วยกัน ควรเลือกผู้แทนของตนเองหนึ่งคน และให้ผู้แทนเหล่านี้ประชุมหารือกับแกนนำตลอดเวลา เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างคนเสื้อแดงรากหญ้ากับแกนนำอย่างเป็นระบบ การตัดสินใจอะไรก็ควรตัดสินใจร่วมกันแบบนี้ ซึ่งจะทำให้ขบวนการเสื้อแดงเข้มแข็งยิ่งขึ้น แกนนำจะมีโอกาสผิดพลาดน้อยลง และรากหญ้าจะร่วมรับผิดชอบในการนำด้วย โดยที่จะสร้างความสามัคคีมากขึ้น นอกจากนี้แกนนำเสื้อแดงในทุกระดับควรมีผู้หญิง เพื่อสะท้อนความจริงเกี่ยวกับขบวนการของเรา
• คนเสื้อแดงต้องทำการบ้านหนักขึ้นในการต่อสายกับทหารเกณฑ์ เพื่อขยายการจัดตั้งของเสื้อแดงเข้าไปในกองทัพ ทหารแตงโมที่จะน่าไว้ใจและมีประสิทธิภาพสูงสุดคือทหารเกณฑ์ที่เป็นเสื้อแดง และในยามวิกฤตเราจะได้สนับสนุนให้เขาฝืนคำสั่งของพวกนายพลที่ต้องการฆ่าประชาชน
• เมื่อมีการยุบสภาและเลือกตั้ง พรรคของคนเสื้อแดงต้อง “คิดใหม่ทำใหม่” รอบสอง เพื่อครองใจประชาชนต่อไป ควรมีการเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการ นโยบายที่จะช่วยคนงานและเสริมค่าจ้าง นโยบายสร้างสันติภาพในภาคใต้ และนโยบายเพื่อปฏิรูประบบยุติธรรมและระบบสื่อมวลชน ฯลฯ เราต้องเป็นพรรคของไพร่และพรรคของเสรีภาพและต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อแดง ทั้งในระดับชาติ และระดับชุมชน มีบทบาทหลักในพรรค ไม่ใช่ปล่อยให้นักการเมืองเก่าๆ ที่ไม่ทำอะไร มาหากินกับการต่อสู้ของประชาชน

เรามีภารกิจในการปลดแอกพลเมืองประเทศนี้จากอำนาจเผด็จการของอำมาตย์ ถ้าเราไม่นำ “กำไร” ที่เราได้มาจากการต่อสู้ในสองเดือนที่ผ่านมา มาเสริมและพัฒนาแนวทางของเราให้ยกระดับสูงขึ้น การเสียสละของคนเสื้อแดงจะละลายไปกับน้ำ เราต้องไม่พลาดตรงนี้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมืองไทยจะกลับไปเป็นแบบเก่าไม่ได้อีกแล้ว

จุดเด่นจุดด้อยของการต่อสู้ของคนเสื้อแดงตั้งแต่มีนาคมปีนี้

จุดเด่นจุดด้อยของการต่อสู้ของคนเสื้อแดงตั้งแต่มีนาคมปีนี้
ใจ อึ๊งภากรณ์

จุดเด่นของการต่อสู้ของคนเสื้อแดงตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปมีหลายข้อคือ
1. คนเสื้อแดงได้พิสูจน์ว่าเป็นขบวนการของประชาชนชั้นล่างในการต่อสู้ทางชนชั้น เพื่อเรื่องปากท้องและเพื่อประชาธิปไตยพร้อมกัน ซึ่งรวมคนชนบทและคนในกรุงเทพฯ จำนวนมาก มากจนเป็นประวัติศาสตร์ ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้ ๑๔ ตุลา การต่อสู้ของ พ.ค.ท. และการต่อสู้ในเดือนพฤษภาปี ๓๕
2. การต่อสู้ที่ยาวนาน ท่ามกลางกระสุนปืน หมอกควัน และข่าวที่ถูกบิดเบือนปิดกั้นโดยรัฐบาล เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประชาชนจำนวนมาก เขาได้เรียนรู้วิธีจัดตั้งตนเอง วิธีเข้าถึงข้อมูล และวิธีกระจายข่าว ยิ่งกว่านั้นการต่อสู้ทำให้เขากลายเป็นผู้นำเอง มีความมั่นใจในการท้าทายอำนาจอำมาตย์ที่กดทับชีวิตประชาชนมานาน เราอาจพูดได้ว่าเกือบจะไม่มีใครในขบวนการเสื้อแดงที่ยังคิดแบบเดิม ไม่มีใครเป็นทาสทางความคิดของลัทธิอำมาตย์
3. การต่อสู้ที่เข้มแข็งของคนเสื้อแดงนี้ บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐระดับล่าง เช่นตำรวจและทหารเกณฑ์ เริ่มคิดหนัก หลายคนไม่ยอมทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และอาจมีหลายคนที่คิดกบฏ แต่ยังไม่ทำอะไรให้เห็นชัด นี่คืออาการของวิกฤตในการปกครองของรัฐอำมาตย์ เราอาจพูดได้ว่ารัฐอำมาตย์อยู่ได้ก็ด้วยการปราบปราม ขู่เขน และการปิดกั้นข้อมูลเท่านั้น ไม่มีความชอบธรรมเลยในสายตาประชาชนนับล้าน และในสายตาสื่อต่างประเทศและชาวโลกที่สนใจประเทศไทย

แต่เราต้องดูจุดอ่อนของขบวนการด้วย เพื่อให้ฝ่ายเราไปปรับแก้และพัฒนาการต่อสู้ เพราะการสู้กับอำมาตย์จะไม่จบง่ายๆ จุดอ่อนที่เราต้องช่วยกันแก้คือ
1. ขบวนการเสื้อแดงยังไม่จัดตั้งในหมู่คนงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างในโรงงาน หรือพนักงานในออฟฟิส ฯลฯ เพราะถ้าลูกจ้างที่เป็นเสื้อแดงจัดตั้งกันในสหภาพแรงงาน เราสามารถใช้พลังการนัดหยุดงานมากดดันอำมาตย์ และพลังนี้มีประสิทธิภาพสูง ปราบด้วยกองกำลังได้ยากอีกด้วย มันเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจ
2. การนำในขบวนการเสื้อแดงควรขยายให้สะท้อนความยิ่งใหญ่ของขบวนการ แกนนำควรจะให้กลุ่มเสื้อแดงจากชุมชนต่างๆ ที่เราเห็นชัดในรูปแบบซุ้มหรือกลุ่มคนที่เดินทางมาด้วยกัน เลือกผู้แทนของตนเองหนึ่งคน และให้ผู้แทนเหล่านี้ประชุมหารือกับแกนนำ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างคนเสื้อแดงรากหญ้ากับแกนนำตลอดเวลาอย่างเป็นระบบ การตัดสินใจอะไรก็ควรตัดสินใจร่วมกันแบบนี้ ซึ่งจะทำให้ขบวนการเสื้อแดงเข้มแข็งยิ่งขึ้น แกนนำจะมีโอกาสผิดพลาดน้อยลง และรากหญ้าจะร่วมรับผิดชอบในการนำด้วย โดยที่จะสร้างความสามัคคีมากขึ้น นอกจากนี้แกนนำเสื้อแดงในทุกระดับควรมีผู้หญิง เพื่อสะท้อนความจริงเกี่ยวกับขบวนการของเรา
3. คนเสื้อแดงต้องทำการบ้านหนักขึ้นในการต่อสายกับทหารเกณฑ์ เพื่อขยายการจัดตั้งของเสื้อแดงเข้าไปในกองทัพ ทหารแตงโมที่จะน่าไว้ใจและมีประสิทธิภาพสูงสุดคือทหารเกณฑ์ที่เป็นเสื้อแดง และในยามวิกฤตเราจะได้สนับสนุนให้เขาฝืนคำสั่งของพวกนายพลที่ต้องการฆ่าประชาชน
4. ถ้ามีการยุบสภาและเลือกตั้ง พรรคของคนเสื้อแดงต้อง “คิดใหม่ทำใหม่” รอบสอง เพื่อครองใจประชาชนต่อไป ควรเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการ นโยบายที่จะช่วยคนงานและเสริมค่าจ้าง นโยบายสร้างสันติภาพในภาคใต้ และนโยบายเพื่อปฏิรูประบบยุติธรรมและระบบสื่อมวลชน ฯลฯ

ไม่ว่าการต่อสู้รอบนี้จะจบลงชั่วคราวอย่างไร เรามีภารกิจในการปลดแอกพลเมืองประเทศนี้จากอำนาจเผด็จการของอำมาตย์ และการต่อสู้นี้จะใช้เวลา แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมืองไทยจะกลับไปเป็นแบบเก่าไม่ได้อีกแล้ว

Tuesday 4 May 2010

คำตอบของ นปช. 4พ.ค

คำตอบของ นปช. 4พ.ค.
1. ยินดีเข้าสู่กระบวนการปรองดองเพื่อแก้วิกฤต ยินดีเจรจา
2. มีข้อสงสัยว่าจะยุบสภาในวันที่เท่าไร? เพราะ กกต. เท่านั้นที่สามารถกำหนดวันเลือกตั้ง
3. รัฐบาลควรแสดงความจริงใจด้วยการลดการคุกคามคนเสื้อแดง ต้องมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทาง ชุมนุม และการสื่อสารรับข้อมูล
4. นปช. ไม่ขอนิรโทษกรรมในข้อหา ล้มสถาบัน หรือการก่อการไร้ เพราะยินดีสู้คดีในศาล และต้องไม่นิรโทษกรรมคดีสั่งฆ่าประชาชนในเดือนเมษายน ต้องเดินหน้าในคดีต่างๆ เช่นคดีของพันธมิตรฯในกรณียึดสนามบิน
5. ทุกฝ่ายให้ยุติการนำสถาบันกษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมือง

คนเสื้อแดงควรต่อรองกับข้อเสนอของอภิสิทธิ์
ใจ อึ้งภากรณ์

ในเมื่อคนเสื้อแดงต่อสู้และเสียสละถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ควรยอมรับข้อเสนอของทรราชอภิสิทธิ์แบบง่ายๆโดยไม่มีการต่อรองเพิ่มเติม อย่างน้อยที่สุด...
1. เราควรเรียกร้องให้ยุบสภาในวันที่ 14 กรกฎาคม แทนวันที่ 14 กันยายน เพื่อเลือกตั้งในวันที่ 14 กันยายน ซึ่งถือว่าเป็นการประนีประนอมพบกันครึ่งทาง
2. การกำหนดวันยุบสภาและวันเลือกตั้ง ต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้มีการกลับคำในภายหลังโดยอ้างสถานการณ์ที่ “ไม่เอื้อกับการเลือกตั้ง”
3. เราควรเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และให้พรรคร่วมรัฐบาลเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว
4. ผบทบ. หัวหน้าพรรคต่างๆ ฯลฯ จะต้องออกมาสัญญาว่าจะไม่แทรกแซงการเลือกตั้ง และจะยอมรับผลการเลือกตั้ง
5. เราควรเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน และถอนทหารตำรวจออกจากพื้นที่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทันที
6. รัฐบาลควรยกเลิกข้อกล่าวหา หมายจับ หมายเรียก และการดำเนินคดีต่างๆ ทุกคดีที่ใช้กับคนเสื้อแดงทุกคนอันเป็นผลจากการชุมนุมครั้งนี้ คนเสื้อแดงที่ติดคุกเพราะปิดกั้นถนนควรถูกปล่อยตัวทันที อภิสิทธิ์ควรขอโทษที่รัฐบาลและศอฉ.กล่าวหาแกนนำเสื้อแดงและคนอื่นว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการล้มเจ้า
7. รัฐบาลต้องยกเลิกการปิดกั้นและเซ็นเซอร์สื่อทั้งหมดทันที โดยเฉพาะสื่อคนเสื้อแดงทุกชนิด รวมถึงโทรทัศน์ วิทยุชุมชน และเว็ปไซท์อย่างเช่น ประชาไท ฯลฯ
8. คณะกรรมการที่จะมาตรวจสอบข้อมูลเรื่องเหตุการณ์นองเลือด 10 เมษายน ต้องไม่เป็นเครื่องมือของอำมาตย์ ดังนั้นน่าจะประกอบไปด้วยฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายเสื้อแดง และคนที่เป็นกลางในสัดส่วนเท่าๆ กัน ประธานกรรมการควรจะเป็นคนกลางจริงๆ เช่นคนต่างประเทศที่แต่งตั้งโดยสหประชาชาติหรือ ASEAN คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดปัจจุบันไม่ควรเกี่ยวข้องในฐานะ “คนเป็นกลาง” เพราะประกอบไปด้วยคนที่สนับสนุนพันธมิตรฯและรัฐประหาร ๑๙ กันยา

ข้อเสนอห้าข้อของอภิสิทธิ์เต็มไปด้วยคำโกหกและคำแก้ตัว มีการโกหกว่าเขาปกป้องเสรีภาพของสื่อ มีการโกหกเรื่องสถาบันกษัตริย์ เพราะในความเป็นจริงทหาร พันธมิตรฯ และรัฐบาลเป็นผู้ดึงสถาบันนี้มาใช้เพื่อให้ความชอบธรรมกับตนเอง ไม่ใช่คนเสื้อแดงที่ดึงสถาบันมาเกี่ยวกับการเมือง และการกระทำของเสื้อเหลืองและอำมาตย์ได้ทำให้ประชาชนจำนวนมากเสื่อมศรัทธาในสถาบันกษัตริย์ มีการโกหกว่าวิกฤตนี้มาจากแค่เรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสำคัญมาก แต่อีกประเด็นคือการที่อำมาตย์ทำลายสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย
ในระยะยาว หลังจากที่เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในวิกฤตนี้ เราต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญปี ๕๐ ของทหาร ปฏิรูปการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ยกเลิกกฎหมายหมิ่นเดชานุภาพและปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมด ต้องเดินหน้าเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้า และครอบวงจร ผ่านการเก็บภาษีก้าวหน้าจากคนรวย ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดินตามความหมายของประชาธิปไตยแท้ เราไม่ต้องการเป็นไพร่เป็นทาสหรือฝุ่นใต้ตีนใครอีกต่อไป!