Thursday 21 January 2010

ทำไมนายวชิราลงกรณ์ไม่สมควรที่จะเป็นประมุข

ทำไมนายวชิราลงกรณ์ไม่สมควรที่จะเป็นประมุข
ใจ อึ๊งภากรณ์


ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงรัชกาล คนไทยจำนวนมากคงไม่สบายใจเป็นอย่างมากที่ดูเหมือนว่าเจ้าฟ้าชายจะขึ้นมาเป็นประมุขของประเทศ ถ้า นายวชิราลงกรณ์ ถือเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่มีบทบาทสาธารณะ เราคงจะไม่แสดงความเห็นหรือพิพากษาเขา นอกจากจะมีกรณีที่ก่ออาชญากรรมหรือละเมิดสิทธิของคนอื่น แต่การเป็นประมุข ถือว่าเป็นตำแหน่งสาธารณะ และเป็นตัวแทนของสังคมเราอีกด้วย เราต้องมีความเห็น ถ้าเราไม่ใช่ทาส
ประมุขมีไว้ทำไม? ถ้าศึกษาประมุขโดยทั่วไป ประมุขอาจมีอำนาจไม่มากก็น้อย อาจมีหน้าที่เชิงพิธีกรรมหรือสัญลักษณ์ หรืออาจถูกอ้างว่าเป็นศูนย์รวมของชาติบ้านเมือง ถ้าประมุขมีอำนาจการเมืองจริง เช่นประธานาธิบดี คนนั้นควรจะมาจากการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย เพราะอำนาจอธิปไตยควรอยู่ในมือของประชาชน ไม่ใช่ในมือของเผด็จการหรือคนที่บังเอิญเกิดมาในตระกูลหนึ่ง การมีฐานะพิเศษที่นำไปสู่อำนาจพิเศษในสังคมอันเนื่องมาจากการเป็นลูกใคร ต้องถือว่าเป็นการคอร์รับชั่นชนิดหนึ่ง ซึ่งเห็นในประเทศล้าหลังอย่างเกาหลีเหนือ หรือเผด็จการในประเทศด้อยพัฒนาทั่วไป ถ้านายวชิราลงกรณ์จะขอเป็นประมุขที่มีอำนาจ เขาควรจะลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่มีสิทธิพิเศษ และจะต้องแข่งกับผู้อื่นที่เสนอตัวมาตามกติกาประชาธิปไตย
ถ้าประมุขมีบทบาทเชิงพิธีกรรม สัญลักษณ์ หรือเป็นจุดรวมของชาติบ้านเมืองเท่านั้น อย่างกษัตริย์ยุโรปหรือญี่ปุ่น ประมุขควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมนั้นๆ เป็นสัญลักษณ์ของสังคมตามที่ประชาชนต้องการ ถ้าเราเข้าใจประเด็นเหล่านี้เราจะเข้าใจว่าทำไมนายวชิราลงกรณ์ไม่สมควรจะเป็นประมุข และควรจะมีการปรับสภาพเป็นพลเมืองธรรมดาแทน
นายวชิราลงกรณ์ เป็นคนที่เรียนไม่เก่ง หรืออาจไม่สนใจเรียนก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นพลเมืองธรรมดาก็ไม่ควรไปว่ากันตรงนั้น แต่ถ้าจะเป็นประมุขก็ควรสนใจบ้านเมืองและสนใจเรียนและศึกษาเรื่องปัญหาบ้านเมือง ควรสามารถพูดคุยกับคนที่มีตำแหน่งทางการเมือง ทั้งภายในและภายนอกประเทศได้ ด้วยสติปัญญา แต่นายวชิราลงกรณ์ทำไม่ได้ ไม่เชื่อก็ไปถามคนในวงการทูตก็ได้ นอกจากนี้ประมุขควรปกป้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน แต่ในเหตุการณ์นองเลือด ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ นายวชิราลงกรณ์ไปให้กำลังใจกับลูกเสือชาวบ้านที่ก่อความป่าเถื่อนในวันนั้น
ประมุขควรจะเป็นคนที่มีมารยาทระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในกิจกรรมทางการ แต่นายวชิราลงกรณ์เคยสร้างปัญหาทางการทูตกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเพราะไม่พอใจในเรื่องส่วนตัว นำเครื่องบินที่ตนเองขับไปปิดกั้นเครื่องบินของนายกญี่ปุ่นที่ดอนเมือง และในงานเลี้ยงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งก็ปล่อยให้หมาของตนเองวิ่งไปมาบนโต๊ะอาหาร ปล่อยให้หมาดมและเลียอาหารในจานของแขกผู้รับเชิญที่มีเกียรติ์ ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยที่ไม่มองว่าเป็นการกระทำที่ผิดแต่อย่างใด แสดงว่าไร้คุณสมบัติ ตรงนี้เราไม่พูดถึงข่าวลือต่างๆ นาๆ เรื่องการใช้ความรุนแรงและการเป็นเจ้าพ่อนักเลง ซึ่งควรจะนำมาตรวจสอบอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมก่อนที่จะรับตำแหน่งสาธารณะใดๆ
ถ้านายวชิราลงกรณ์จะเป็นประมุขเชิงสัญลักษณ์ของไทย เขาจะเป็นตัวแทนของสตรีไทย 30 กว่าล้านคน ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของสังคม เราต้องพิจารณาภาพของนายวชิราลงกรณ์เกี่ยวกับทัศนะต่อสตรี ในสายตาคนไทยและคนต่างประเทศ
การที่นายวชิราลงกรณ์หลงรักหรือหลงใคร่ผู้หญิงหลายคน ไม่ควรเป็นเรื่องผิด และควรเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาอยากถ่ายรูปแฟนเขาเปลือยกายเพื่อเก็บไว้ดูเอง ก็ไม่น่าจะผิดและน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวอีก แต่ประเด็นที่เราควรพิจารณาคือ นายวชิราลงกรณ์ ในฐานะ “เตรียมประมุข” เป็นคนที่เคารพผู้หญิงหรือไม่ ตรงนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับตำแหน่งประมุขในเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว มันควรเป็นเรื่องที่สาธารณะพิจารณา
นายวชิราลงกรณ์เคยนั่งดื่มไวน์และกินข้าวริมสระน้ำกับแฟนเขา ตรงนั้นไม่แปลก แต่ที่แปลกคือแฟนเขาแก้ผ้าหมด ในขณะที่เขาสวมเสื้อผ้า และที่ยิ่งแปลกและน่ากังวลคือคนรับใช้ผู้ชายแต่งชุดราชการ และมีคนอื่นถ่ายรูปทั้งวิดีโอและภาพนิ่ง แค่นั้นไม่พอ มีการให้แฟนตนเองเปลือยกายคลานกับพื้นเพื่อรับขนมจากมือนายวชิราลงกรณ์ เหมือนเอาอาหารให้หมากิน ภาพนี้ ซึ่งปวงชนชาวไทยจำนวนมากได้แลเห็นไปแล้ว เป็นภาพที่สะท้อนการไม่เคารพเพศสตรีของนายวชิราลงกรณ์ และประกอบกับการปล่อยภาพเปลือยกายของสตรีคนอื่นๆที่นายวชิราลงกรณ์คบ ต้องถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศผ่านการมีเงินและอำนาจ ตรงนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่นายวชิราลงกรณ์ไม่ควรเป็นประมุข ไม่ควรมีอำนาจ และไม่ควรมีอิทธิพลเหนือผู้หญิงหรือประชาชนทั้งปวงในประเทศไทย
อย่าลืมว่าผู้เป็นแม่ เอ็นดูและยกโทษให้ลูกชายตนเองเสมอ ซึ่งไม่แปลก แต่ไม่สมควรในคนที่อยู่ในแวดวงประมุข อย่าลืมว่าแม่กับลูกใกล้ชิดกัน และอย่าลืมว่าแม่และลูกสาวเขา ได้ไปงานศพพันธมิตรฯที่ก่อความรุนแรงและทำลายประชาธิปไตย อย่าลืมอีกว่าผู้เป็นพ่อไม่ยอมออกมาตักเตือนลูกชายตนเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีการผลักดันลูกชายให้เป็นประมุขคนต่อไป
อย่าลืมอีกว่าในสังคมอำมาตย์ของไทย ประชาชนถูกบังคับให้ยืนเคารพประมุข ถูกบังคับให้หมอบคลาน ถูกบังคับให้ใช้ภาษาพิเศษ ถูกบังคับให้เสียภาษีเพื่อวิถีชีวิตอันร่ำรวยของประมุข ถูกบังคับให้เดือดร้อนเพราะมีการปิดถนนให้เขาเดินทางอย่างสะดวกสบาย และถูกบังคับให้ท่องในห้องเรียนว่าประมุขเป็นคนดีวิเศษ แต่นายวชิราลงกรณ์ไม่ใช่คนดีวิเศษ และไม่ใช่แบบอย่างสำหรับนักเรียนในโรงเรียน
ถ้าพิจารณาตรงนี้จะเห็นว่าการตั้งความหวังไว้กับรัชกาลต่อไป ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยคุณทักษิณหรือคนอื่น น่าจะเป็นสิ่งผิดพลาด ยกเว้นว่าจะมีการมองว่านายวชิราลงกรณ์จะขอพัก ขอลาออก ขอไม่เป็นประมุข ขอเป็นบุคคลธรรมดาและอยู่อย่างเงียบๆ และในช่วงนั้นมีการปรับปรุงประชาธิปไตยให้เต็มใบ

สงสารและเห็นใจแฟนของนายวชิราลงกรณ์เถิด
เวลาท่านเห็นภาพริมสระน้ำ หรือภาพเปลือยกายของเหล่าแฟน หรือ “หม่อม” ของนายวชิราลงกรณ์ โปรดอย่าด่าผู้หญิง โปรดเข้าใจว่าใครมีอำนาจตรงนั้น โปรดให้อภัยสตรีน้อยๆ ผู้ตัดสินใจผิด โปรดอย่าไปว่าคนที่โชว์ร่างเปลือยอันงาม เพราะนั้นก็ไม่ใช่อาชญากรรม

ทำไมมีการปล่อยภาพแบบนี้ออกมา? ต้องตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่มีข้อมูลหลักฐานพอที่จะตอบได้ ได้แต่เดาเอา ที่แน่นอนคือมันไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ดังนั้นอาจเป็นวิธีควบคุมผู้หญิงให้หมดศักดิ์ศรีและพึ่งพานายวชิราลงกรณ์คนเดียว หรืออาจเป็นการที่นายวชิราลงกรณ์อยากจะอวดว่าได้ผู้หญิงสวยๆ มาหลายคนก็ได้ หรือเขาอาจมีทัศนะว่า “กูจะทำแล้วทำไม?” พยายามสร้างภาพว่าไม่มีใครแตะได้ แต่ทั้งหมดเป็นการเดาเท่านั้น และการเดาใจคนที่น่าจะผิดเพี้ยนเคารพคนอื่นไม่เป็นทำยาก ซึ่งน่าจะหมายความว่านายวชิราลงกรณ์ไม่สมควรเป็นประมุข

นายวชิราลงกรณ์ควรจะเป็นพลเมืองธรรมดา ควรจะหางานทำ ควรจะเสียภาษี และควรจะทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี และหลังจากนั้นเขาจะมีพฤติกรรมอะไรในบ้านเขาก็น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว