Monday 22 February 2010

ทำไมต้อง “สยามแดง” ?


ทำไมต้อง “สยามแดง” ?
ใจ อึ๊งภากรณ์

อย่างที่เราทราบกันดี พวกทหารอำมาตย์ได้ร่วมมือกับ ฝ่ายรักเจ้า ฝ่ายอภิสิทธิ์ชน และนายภูมิพลเอง ในการทำลายประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกนี้ทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การขึ้นครองของนายภูมิพล ตามสันดานดิบของอำมาตย์ โดยที่พวกนี้ใช้ คุก ศาล และความรุนแรงในการก่ออาชญากรรมต่อประชาชน ทุกอย่างที่เขาทำ เขาทำในนามของ “ชาติ ศาสนา และกษัตริย์” ดังนั้นเราต้องรื้อทิ้งความ “ศักดิ์สิทธิ์” ของ “ชาติกับกษัตริย์” และนำเรื่องศาสนามาเป็นเรื่องความยึดมั่นส่วนตัว
ประเด็นสำคัญในกิจกรรมของอำมาตย์ที่อาจถูกมองข้าม คือการที่เขาทำลายกระแสที่จะสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อปกป้องทรัพย์สินและอำนาจทางเศรษฐกิจของพวกเขา นี่คือสาเหตุสำคัญที่เขาคัดค้านนโยบายสุขภาพอนามัยถ้วนหน้า นโยบายกองทุนหมู่บ้าน และนโยบายการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค ของ ไทยรักไทย จนเกิดรัฐประหาร ๑๙ กันยา
ดังนั้นปัญหาของสังคมไทยคือปัญหาทางการเมืองในเรื่องประชาธิปไตย และปัญหาความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ สองเรื่องนี้แยกออกจากกันไม่ได้

ทำไม “สยาม”?
คำว่า “ไทย” ถูกใช้โดยอำมาตย์ในการปลุกระดมชาตินิยมคับแคบจนหมดความหมายไปในทางดี อำมาตย์อ้างว่า “ไทย” แปลว่า “เสรี” ในขณะที่เขาทำให้คนไทยเป็นทาส และอำมาตย์ใช้คำว่า “ไทย” เพื่อกดขี่คนเชื้อชาติอื่นๆ ที่เป็นพลเมืองในประเทศเรา กรณีแย่สุดคือกรณีคนมาเลย์มุสลิมในภาคใต้ นอกจากนี้อำมาตย์ใช้ “ความเป็นไทย” ในการสร้างนิยายว่า “ความเป็นไทย” หมายถึง “การรักและหมอบคลานต่อกษัตริย์” ทั้งหมดนี้คือสาเหตุที่เราต้องหันมาใช้คำว่า “สยาม” แทน
“สยาม” ในความหมายของเราคือสังคมหลากหลายที่เปิดกว้างและมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่

ทำไมต้อง “แดง”
“แดง” มีสองความหมายที่แตกต่างกัน แต่เข้ากันได้คือ เสื้อ “แดง” คือพลังประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นความหวังสำหรับการพัฒนาสังคม และเป็นขบวนการรากหญ้าของประชาชน นอกจากนี้ “แดง” คือสีธงของฝ่ายซ้ายสังคมนิยม ที่ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนคนจน และต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ เราภูมิใจในการเป็น “แดง” เสมอ ในขณะที่ “เหลือง” คือสีของการกดขี่อันโสโครก
อำมาตย์ส่งเสริมเผด็จการ และส่งเสริมสังคมที่เหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน ความเหลื่อมล้ำดังกล่าวคุมไว้ภายใต้ประชาธิปไตยยาก นี่คือสาเหตุที่อำมาตย์ชอบเผด็จการและไม่อยากให้ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน นี่คือสาเหตุที่เขาอ้างว่ากษัตริย์เป็นเทวดาเหนือเรา เพื่อสร้างภาพว่าลำดับชนชั้นในสังคมเป็นเรื่อง “ธรรมชาติ”


ทำไมต้องเป็น “สาธารณะรัฐ”?
ตั้งแต่การขึ้นมาเป็นกษัตริย์แต่แรก นายภูมิพลยินดีร่วมมือกับทหารเผด็จการในการทำรัฐประหารและทำลายสิทธิเสรีภาพมาตลอด โดยที่นายภูมิพลทำหน้าที่ให้ความชอบธรรมกับสิ่งที่ทหารกระทำ โดยอาศัยภาพ “ความศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์” ที่ทหารสร้างขึ้นมาให้ ยุคเริ่มต้นคือสมัยสฤษดิ์
ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่การสร้างประชาธิปไตยในรูปแบบที่ “กษัตริย์ไม่เข้ามายุ่งการเมือง” เพราะกษัตริย์ไทยเติบโตมากับทหารเผด็จการ และแยกออกจากกันไม่ได้ พูดง่ายๆ เราไม่สามารถทำให้สถาบันกษัตริย์ไทยไม่ผูกพันกับการเมืองอำมาตย์ได้ และ ตราบใดที่มีระบบกษัตริย์เป็นประมุข ทหารก็จะใช้กษัตริย์ในการทำลายประชาธิปไตยเสมอ
เราจึงต้องสู้กับระบบกษัตริย์และระบบทหารอำมาตย์พร้อมๆ กัน เพื่อได้ประชาธิปไตยแท้จริง

เราจะทำลายระบบกษัตริย์อย่างไร?
ประเด็นสำคัญคือการทำสงครามทางความคิด เพื่อทำลายความศรัทธาในสถาบันกษัตริย์โดยสิ้นเชิง ซึ่งจะมีผลทำให้ความชอบธรรมของทหารเผด็จการอ่อนแอลงไปด้วย นี่คือสิ่งที่อำมาตย์กำลังกลัวอย่างถึงที่สุด
ความชอบธรรมของกษัตริย์สร้างขึ้นภายใต้ลัทธิปัญญาอ่อนที่ไร้วิทยาศาสตร์ ซึ่งเชิดชูให้คนสามัญที่บังเอิญเกิดในตระกูลหนึ่งถูกมองว่าเป็น “เทวดา” ทั้งๆ ที่กษัตริย์มีความสามารถไม่น้อยและไม่มากกว่าประชาชนปกติทั่วประเทศ ที่เป็นวิศวะกร ศิลปิน เกษตรกร หรือช่างฝีมือ
ฝ่ายคลั่งเจ้าอยากให้เราเชื่อว่ากษัตริย์รักและดูแลประชาชน แต่ประชาชนดูแลตนเองได้ เราไม่ใช่เด็ก และทุกอย่างที่งดงามเกี่ยวกับประเทศเรามาจากมือของประชาชน ในขณะที่นายภูมิพลเติบโตร่ำรวยมากับเผด็จการโกงกิน สฤษดิ์ ถนอม ประภาส และปล่อยให้คนบริสุทธิ์ถูกประหารชีวิตในข้อหาฆ่าพี่ชายตนเอง นอกจากนี้นายภูมิพลสนับสนุนเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลา 2519 เพราะมองว่ายุคนั้นไทยมีประชาธิปไตย “มากเกินไป” และล่าสุดนายภูมิพลปล่อยให้ คมช.ทำรัฐประหาร 19 กันยา และปล่อยให้ประชาธิปไตยของเราถูกปล้นไปโดยทหาร พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ ในนามของกษัตริย์ นี่ไม่ใช่ผลงานของเทวดา มันเป็นผลงานทรราช
ในนโยบายเศรษฐกิจ นายภูมิพลเคยคัดค้านสวัสดิการสำหรับประชาชน เพราะมองว่าจะลดความร่ำรวยของพรรคพวกตัวเอง ยิ่งกว่านั้นในปัจจุบันในฐานะที่เป็นคนรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง นายภูมิพลยังบังอาจสั่งสอนคนจนให้ “พอเพียง” นี่ไม่ใช่จุดยืนของเทวดา แต่เป็นจุดยืนของคนที่ทำนาบนหลังประชาชน
นายภูมิพลยอมให้บริวารรอบข้างตั้งชื่อให้ตัวเองเป็น “พ่อของสังคม” ในขณะที่ลูกชายจริงตนเองไม่เป็นที่เคารพ เราจะเห็นได้ว่าภาพทั้งหลายเกี่ยวกับความสามารถของนายภูมิพลเป็นเรื่องโกหกเท็จทั้งสิ้น
ตราบใดที่เราหมอบคลานต่อลัทธิกษัตริย์ เราทำตัวเป็นแค่สัตว์ตามความต้องการของอำมาตย์ เราต้องยืนขึ้นเป็นคน เราต้องเป็นพลเมืองในโลกสมัยใหม่ ธงไตรรงค์สามสี แดง ขาว น้ำเงิน ของฝ่ายเผด็จการ ลอกมาจากธงสามสีของตะวันตก แต่เพื่อส่งเสริม “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ซึ่งเป็นคำขวัญของพันธมารฯ และทหาร ที่ใช้ในการทำลายประชาธิปไตย ธงสามสี แดง ขาว น้ำเงิน เคยมีความหมายอื่นในการปฏิวัติฝรั่งเศส นั่นคือ “เสรีภาพ ความเท่าเทียมและความสมานฉันท์” นี่คือคำขวัญที่เราต้องใช้ในการต่อสู้เพื่อปลดแอกสังคมสยาม

ปํญหาทหาร
ทหาร โดยเฉพาะนายพลชั้นสูง เป็นอุปสรรคต่อความเจริญ และเป็นโจรและกาฝากของสังคม เราต้องปฏิรูปกองทัพ โดยลดงบประมาณทหาร เอาทหารออกจากสื่อและรัฐวิสาหกิจ ปลดพวกนายพลอำมาตย์ออกไป และที่สำคัญเราต้องสนับสนุนให้ทหารระดับรากหญ้ากบฏต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อไม่ให้กองทัพฆ่าประชาชนอีกต่อไป แต่ถ้าทหารรากหญ้าจะกบฏ เขาต้องมั่นใจว่าเราจะสู้จริงท่ามกลางการต่อสู้ลุกฮือของมวลชน ดังนั้นภาระสำคัญของคนเสื้อแดงคือเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและด้วยพลังมวลชน เราไม่ควรหาทางลัดโดยการตั้งความหวังกับทหารอันธพาลหรือนายพลที่แตกแยกกับอำมาตย์บนพื้นฐานผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างเดียว

นโยบายพื้นฐานของ “สยามแดง”
1. เราต้องมีเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพทีจะเลือกรัฐบาลทีคนส่วนใหญ่ต้องการ โดยไม่มีการปราบปรามข่มขู่ และไม่มีความกลัว
2. เราต้องมีความเท่าเทียมเสมอภาค ต้องยกเลิกระบบผู้ใหญ่ผู้น้อย ยกเลิกการหมอบคลาน นักการเมืองต้องปฏิญาณตนว่าจะเคารพนายที่แท้จริงของตนเองคือประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ เราต้องสร้างวัฒนธรรมพลเมืองที่เคารพซึ่งกันและกัน เราต้องมีเสรีภาพและความเท่าเทียมทางเพศและเชื้อชาติ ต้องเคารพผู้หญิง เคารพคนรักเพศเดียวกัน เคารพคนพม่า ลาว เขมร และคนมุสลิมในสามจังหวัดภาคใต้ ผู้หญิงต้องมีสิทธิทำแท้งอย่างปลอดภัย ผู้ลี้ภัยจากต่างประเทศควรจะได้รับการดูแลอย่างอบอุ่น สมกับที่ประเทศเราเป็นประเทศอารยะ
3. ประเทศเราต้องเป็นรัฐสวัสดิการ ถ้วนหน้า ครบวงจร และผ่านการเก็บภาษีก้าวหน้าจากคนรวย คนจนไม่ใช่ภาระ แต่เป็นคนร่วมพัฒนาชาติ ที่ต้องมีศักดิศรี สังคมล้าหลังปัจจุบันกดทับประชาชาชนจำนวนมากไม่ให้เขาเป็นผู้สร้างสรรค์ และนำสังคมไปสู่ความก้าวหน้า
4. เราต้องสร้างระบบสาธารณะรัฐในประเทศไทย เพื่อให้ทุกตำแหน่งมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน เราต้องยึดทรัพย์และวังของราชวงศ์ เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ
5. ประเทศเราอยู่ภายใต้รองเท้าบูทของนายพลมานานเกินไป เราตั้งตัดงบประมาณของทหารและอำนาจทหารในสังคมเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตยอีกต่อไป ต้องปลดนายพลชั้นสูงที่ไม่เคารพประชาธิปไตยออกจากตำแหน่งให้หมด
6. ประเทศเราต้องมีความยุติธรรม ต้องยกเลิกกฎหมายหมิ่นศาลที่ปกป้องระบบอยุติธรรม เราต้องปฏิรูประบบยุติธรรมอย่างถอนรากถอนโคน ต้องปลดผู้พิพากษาเก่าออกให้หมด ต้องมีระบบลูกขุนที่มาจากประชาชน และตำรวจต้องบริการประชาชนแทนที่จะรีดไถคนจน
7. ประชาชนในเมือง ในชุมชน ในท้องถิ่นต่างๆ ต้องเข้ามาบริหารองค์กรสาธารณะในทุกระดับ เช่น รัฐวิสาหกิจ สื่อ โรงเรียนและโรงพยาบาล
8. ประเทศเราต้องทันสมัย เราต้องปรับปรุงระบบการศึกษา การคมนาคม และที่อยู่อาศัย และหันมาผลิตพลังงานจากลมและแสงแดดเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม
9. ประเทศเราต้องรักสงบ ไม่ขัดแย้งสร้างเรื่องกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ สนับสนุนการก่อสงคราม

อำมาตย์อ้างว่าบทความแบบนี้เป็นเรื่อง “ร้ายแรง” อ้างว่าเป็นอาชญากรรม แต่ข้อเสนอดังกล่าวร้ายแรงตรงไหน? ขัดกับหลักการสากลเรื่องสิทธิมนุษยชนตรงไหน? ในทางตรงกันข้ามอำมาตย์สร้างวิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจ ปล้นขโมยสิทธิเสรีภาพ และสะสมความร่ำรวยมหาศาลให้ตนเอง ด้วยรัฐประหาร และเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ นาๆ เขาคืออาชญากรแท้

ในอดีต ไม่ว่าจะช่วง ๒๔๗๕ หรือ๑๔ ตุลา เคยมีความฝันในหมู่ประชาชน ว่าเราจะสร้างสังคมประชาธิปไตยที่มีความเท่าเทียม เราจะต้องสร้างความฝันนี้ให้เป็นจริงสักที เราชาวประชาธิปไตยแดงที่หูตาสว่างมีมวลชน เราต้องจัดตั้งตนเอง นำตนเอง ในแต่ละท้องที่ เพื่อให้ 5 นิ้วที่อ่อนแอในมือเรากลายเป็นกำปั้นเหล็กที่ถล่มฝ่ายอำมาตย์ให้หมดสิ้นไป